หนังเกาหลีไม่มีอะไรเลยจริงๆ แต่ชอบดูหนังเกาหลี เพราะมักจะมีดารานำหน้้าตาดี หนึ่งคน หรือสองคน
แต่ที่ชอบ ก็คงเพราะบรรยากาศที่แปลกใหม่ และแตกต่างจากเมื่องไทย
หนังเรื่องนี้น่าเบื่อมาก จนกระทั้งสามารถสร้างความประทับใจได้นิดหน่อยตอนท้ายเรื่อง
กับประโยคเด็ดว่า อาหารคือประสาทสัมพัสทั้ง 5ในหนังไม่ได้บอกว่าคืออะไรแต่เข้าใจว่าเป็น รูป รส กลิ่น เสียง และความทรงจำ ..
กับประโยคที่ว่า ขนมหวานเมื่อเวลาเสริฟต้องเอาจัดไว้บนจาน ไม่ว่าจะเป็นจานที่สวยงาม เปราะบาง หรือจานที่ตกไม่แตก มันก็เหมือนครอบครัว
คนเรามีกันหลายครอบครัว พี่น้องก็เป็นครอบครัว เพื่อนก็เป็นครอบครัว คนที่อยู่รอบตัวเราล้วนเป็นครอบครัว เราทุกคนต่างมีครอบครัว ...
หนังเรื่องนี้แค่ตั้งชื่อก็น่าจะผิดซะแล้ว เพราะแทบไม่ได้เกี่ยวกับเพลงเลย แต่เป็นเรื่องของขนม ที่พี่น้องสามคนทะเลาะกัน
พี่ชายดูแลกิจการต่อที่บ้าน พี่รองไปเป็นนักร้อง น้องเล็กไปเรียนต่างประเทศ
แต่ร้านของพี่ใหญ่กำลังจะถูกยึด พี่รองกำลังจะหูหนวกเลยเลิกร้องเพลงกลับมาช่วยพี่ใหญ่ที่บ้าน เพื่อดูแลกิจการร้านขนมให้อยู่ต่อไป
โดยพี่ใหญ่สอนสูตรครอบครัวให้ แต่แล้ว น้องเล็กก็กลับมา พร้อมกับร่วมมือกลับมาเฟียที่จะยึดร้าน ท้าแข่งทำขนมกัน เพื่อสิทธิในชื่อร้านขนม
หลายปีแล้วที่เกาหลีไม่ไปไกลเกินกว่าการใช้ มุขร้านอาหาร กับเสียงเพลง... จริงๆ แล้วไม่ว่าวัฒนธรรมไหนก็มักจะยึดติดกับสิ่งๆ นั้น
มันถึงเรียกว่าวัฒนธรรม หนังไทยชอบรักแบบนิยายคลาสสิค เจ้าชายพบรักกับสามัญชน หนังเกาหลีก็จะเป็นสามัญชนสุดแสนจะตกยาก
หนังฮ่องกงก็ยิงกันอย่างเดียว บอลลีวู๊ดก็ออกมาเต้น ออกมาเต้น .... คนดูต่างหาก ที่ต้องเลือกภาพยนต์ให้หลากหลาย ... มีหนังนับล้านๆ เรื่อง
ทำไมเราถึงเรื่องดูหนังอย่างที่เราเคยดู ทั้่งที่พล๊อตเรื่องมันก็คล้ายๆ กัน ...