Chole
เป็นหนังเอาใจเลสเบี้ยนหรือป่าว ไม่รู้ มีฉากรักที่หวือหวา ระหว่างนางเอกสาว กับนางเอกวัยคุณแม่
เมื่อหมอหญิงคนหนึ่งเกิดอาการหึงหวงสามีตัวเอง จนไปพบกับโคลี ผู้หญิงที่เธอคิดว่าสามีเธอนอนด้วย
โคลีเหมือนจะจับจุดถูก และพยายามทำให้เธอคิดว่าสามีเธอนอกใจ จนสุดท้ายคุณหมอก็ประชดด้วยการมี
อะไรกับโคลีเสียเอง
หนักแปลกดี แต่ว่าไม่ค่อยสนุก
Prince of Persia , Sands of Times
เจ้าชายเปอร์เซีย กับ ทรายแห่งเวลา
เป็นหนังที่สนุกพอสมควร สำหรับคนที่ชอบแอ๊คชั่น แต่เบื่อกับฉากยิงปืน รถระเบิดกลิ้งไปตามท้องถนน
ต้องลองกลับไปดูหนังย้อนยุคสักนิด เพราะแทนที่จะยิงปืนกันแต่พระเอกไม่เป็นอะไรเลย หนังเรื่องนี้กลับไปใช้
อาวุธซัด เข็มพิษ เหมือนหนังจีน แทน
ส่วนฉากระเบิด ถูกแทนที่ด้วยอาคารโบราณถล่ม กับพายุทะเลทราย ...
เป็นหนังที่สนุก แต่อย่าไปคิดอะไรกับมัน จบแล้วจบเลย ไม่มีอะไรประทับใจมากนอกจากความมันระหว่างดู
เมื่อเจ้าชายแห่งเปอร์เซีย 3 คน ร่วมกันบุกเมื่องศักดิ์สิทธิ์ อาบารัส ด้วยการหลอกลวงของอุปราชย์ที่ปรึกษา และเป็น
พระเจ้าอาของเจ้าชาย โดยหลอกว่าที่อาบารัสมีการผลิตอาวุธทำลายล้าง (เหมือนจะประชดบุช อเมริกาเรื่องอิรัก)
แต่แท้ที่จริงแล้ว อุปราชย์ต้องการที่จะครอบครองกริช และทรายแห่งเวลา ...ซึ่งเมื่อเอาทรายใส่ที่ด้ามกริช แล้วกดปุ่มที่
ด้าม คนที่ถือกริชจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้ชั่วขณะหนึ่ง 3 นาที จนทรายหมดไป แล้วจะมีแต่คนที่ใช้กริชเท่านั้น
ที่รู้ว่าตัวเองย้อนเวลา
เนื่องจากด้านกริชมีขนาดเล็ก จึงบรรจุทรายแห่งเวลาได้นิดเดียว และทรายนี้ได้มาจากศิลาแห่งกาลเวลา ซึ่งต้องใช้กริซในการ
ตัดเอาทรายมา ... แต่อุปราชย์มีแผนการ คือ เอาดาบมา แล้วกดด้ามกริชในขณะที่ด้ามกริชปักอยู่ที่หินแห่งกาลเวลา เขาจะสามารถ
ย้อนเวลากลับไปได้ไม่รู้จบ ซึ่งเขาต้องการย้อนเวลากลับไปสมัยเมื่อยังเด็กที่ได้ช่วยพระราชาจากสัตว์ป่าเอาไว้ ตอนนี้เขาคิดว่า
ถ้าย้อนกลับไปถึงตอนนั้น เขาจะไม่ช่วยพระราชาองค์ปัจจุบัน ตนจะได้มีสิทธิในบังลังค์มาตั้งแต่ต้น
แต่สุดท้ายแผนกาลก็เหลว แน่นอน พระเอกของเราเป็นเจ้าชายที่ถูกกษัตริย์เก็บมาเลี้ยงและให้การอุปถัมน์เหมือนเป็นโอรสคนหนึ่ง
เขาถูกใส่ร้ายว่าฆ่ากษัตริย์เพื่อชิงบังลังค์ แต่สุดท้ายเมื่อความจริงเปิดเผย เจ้าชายที่เหลือถูกฆ่าตายหมด
เจ้าชายเปอร์เซีย แย่งกริชมาได้ และได้ย้อนเวลากลับไปก่อนที่ทุกคนจะบุกเมืองอาบารัส ... สุดท้ายแล้วทุกคนก็มีชีวิตกัันอย่างสันติ
เป็นหนังที่สนุกพอสมควร สำหรับคนที่ชอบแอ๊คชั่น แต่เบื่อกับฉากยิงปืน รถระเบิดกลิ้งไปตามท้องถนน
ต้องลองกลับไปดูหนังย้อนยุคสักนิด เพราะแทนที่จะยิงปืนกันแต่พระเอกไม่เป็นอะไรเลย หนังเรื่องนี้กลับไปใช้
อาวุธซัด เข็มพิษ เหมือนหนังจีน แทน
ส่วนฉากระเบิด ถูกแทนที่ด้วยอาคารโบราณถล่ม กับพายุทะเลทราย ...
เป็นหนังที่สนุก แต่อย่าไปคิดอะไรกับมัน จบแล้วจบเลย ไม่มีอะไรประทับใจมากนอกจากความมันระหว่างดู
เมื่อเจ้าชายแห่งเปอร์เซีย 3 คน ร่วมกันบุกเมื่องศักดิ์สิทธิ์ อาบารัส ด้วยการหลอกลวงของอุปราชย์ที่ปรึกษา และเป็น
พระเจ้าอาของเจ้าชาย โดยหลอกว่าที่อาบารัสมีการผลิตอาวุธทำลายล้าง (เหมือนจะประชดบุช อเมริกาเรื่องอิรัก)
แต่แท้ที่จริงแล้ว อุปราชย์ต้องการที่จะครอบครองกริช และทรายแห่งเวลา ...ซึ่งเมื่อเอาทรายใส่ที่ด้ามกริช แล้วกดปุ่มที่
ด้าม คนที่ถือกริชจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้ชั่วขณะหนึ่ง 3 นาที จนทรายหมดไป แล้วจะมีแต่คนที่ใช้กริชเท่านั้น
ที่รู้ว่าตัวเองย้อนเวลา
เนื่องจากด้านกริชมีขนาดเล็ก จึงบรรจุทรายแห่งเวลาได้นิดเดียว และทรายนี้ได้มาจากศิลาแห่งกาลเวลา ซึ่งต้องใช้กริซในการ
ตัดเอาทรายมา ... แต่อุปราชย์มีแผนการ คือ เอาดาบมา แล้วกดด้ามกริชในขณะที่ด้ามกริชปักอยู่ที่หินแห่งกาลเวลา เขาจะสามารถ
ย้อนเวลากลับไปได้ไม่รู้จบ ซึ่งเขาต้องการย้อนเวลากลับไปสมัยเมื่อยังเด็กที่ได้ช่วยพระราชาจากสัตว์ป่าเอาไว้ ตอนนี้เขาคิดว่า
ถ้าย้อนกลับไปถึงตอนนั้น เขาจะไม่ช่วยพระราชาองค์ปัจจุบัน ตนจะได้มีสิทธิในบังลังค์มาตั้งแต่ต้น
แต่สุดท้ายแผนกาลก็เหลว แน่นอน พระเอกของเราเป็นเจ้าชายที่ถูกกษัตริย์เก็บมาเลี้ยงและให้การอุปถัมน์เหมือนเป็นโอรสคนหนึ่ง
เขาถูกใส่ร้ายว่าฆ่ากษัตริย์เพื่อชิงบังลังค์ แต่สุดท้ายเมื่อความจริงเปิดเผย เจ้าชายที่เหลือถูกฆ่าตายหมด
เจ้าชายเปอร์เซีย แย่งกริชมาได้ และได้ย้อนเวลากลับไปก่อนที่ทุกคนจะบุกเมืองอาบารัส ... สุดท้ายแล้วทุกคนก็มีชีวิตกัันอย่างสันติ
Cafe Suol ถามรัก คาเฟ่โซล
หนังเกาหลีไม่มีอะไรเลยจริงๆ แต่ชอบดูหนังเกาหลี เพราะมักจะมีดารานำหน้้าตาดี หนึ่งคน หรือสองคน
แต่ที่ชอบ ก็คงเพราะบรรยากาศที่แปลกใหม่ และแตกต่างจากเมื่องไทย
หนังเรื่องนี้น่าเบื่อมาก จนกระทั้งสามารถสร้างความประทับใจได้นิดหน่อยตอนท้ายเรื่อง
กับประโยคเด็ดว่า อาหารคือประสาทสัมพัสทั้ง 5ในหนังไม่ได้บอกว่าคืออะไรแต่เข้าใจว่าเป็น รูป รส กลิ่น เสียง และความทรงจำ ..
กับประโยคที่ว่า ขนมหวานเมื่อเวลาเสริฟต้องเอาจัดไว้บนจาน ไม่ว่าจะเป็นจานที่สวยงาม เปราะบาง หรือจานที่ตกไม่แตก มันก็เหมือนครอบครัว
คนเรามีกันหลายครอบครัว พี่น้องก็เป็นครอบครัว เพื่อนก็เป็นครอบครัว คนที่อยู่รอบตัวเราล้วนเป็นครอบครัว เราทุกคนต่างมีครอบครัว ...
หนังเรื่องนี้แค่ตั้งชื่อก็น่าจะผิดซะแล้ว เพราะแทบไม่ได้เกี่ยวกับเพลงเลย แต่เป็นเรื่องของขนม ที่พี่น้องสามคนทะเลาะกัน
พี่ชายดูแลกิจการต่อที่บ้าน พี่รองไปเป็นนักร้อง น้องเล็กไปเรียนต่างประเทศ
แต่ร้านของพี่ใหญ่กำลังจะถูกยึด พี่รองกำลังจะหูหนวกเลยเลิกร้องเพลงกลับมาช่วยพี่ใหญ่ที่บ้าน เพื่อดูแลกิจการร้านขนมให้อยู่ต่อไป
โดยพี่ใหญ่สอนสูตรครอบครัวให้ แต่แล้ว น้องเล็กก็กลับมา พร้อมกับร่วมมือกลับมาเฟียที่จะยึดร้าน ท้าแข่งทำขนมกัน เพื่อสิทธิในชื่อร้านขนม
หลายปีแล้วที่เกาหลีไม่ไปไกลเกินกว่าการใช้ มุขร้านอาหาร กับเสียงเพลง... จริงๆ แล้วไม่ว่าวัฒนธรรมไหนก็มักจะยึดติดกับสิ่งๆ นั้น
มันถึงเรียกว่าวัฒนธรรม หนังไทยชอบรักแบบนิยายคลาสสิค เจ้าชายพบรักกับสามัญชน หนังเกาหลีก็จะเป็นสามัญชนสุดแสนจะตกยาก
หนังฮ่องกงก็ยิงกันอย่างเดียว บอลลีวู๊ดก็ออกมาเต้น ออกมาเต้น .... คนดูต่างหาก ที่ต้องเลือกภาพยนต์ให้หลากหลาย ... มีหนังนับล้านๆ เรื่อง
ทำไมเราถึงเรื่องดูหนังอย่างที่เราเคยดู ทั้่งที่พล๊อตเรื่องมันก็คล้ายๆ กัน ...
แต่ที่ชอบ ก็คงเพราะบรรยากาศที่แปลกใหม่ และแตกต่างจากเมื่องไทย
หนังเรื่องนี้น่าเบื่อมาก จนกระทั้งสามารถสร้างความประทับใจได้นิดหน่อยตอนท้ายเรื่อง
กับประโยคเด็ดว่า อาหารคือประสาทสัมพัสทั้ง 5ในหนังไม่ได้บอกว่าคืออะไรแต่เข้าใจว่าเป็น รูป รส กลิ่น เสียง และความทรงจำ ..
กับประโยคที่ว่า ขนมหวานเมื่อเวลาเสริฟต้องเอาจัดไว้บนจาน ไม่ว่าจะเป็นจานที่สวยงาม เปราะบาง หรือจานที่ตกไม่แตก มันก็เหมือนครอบครัว
คนเรามีกันหลายครอบครัว พี่น้องก็เป็นครอบครัว เพื่อนก็เป็นครอบครัว คนที่อยู่รอบตัวเราล้วนเป็นครอบครัว เราทุกคนต่างมีครอบครัว ...
หนังเรื่องนี้แค่ตั้งชื่อก็น่าจะผิดซะแล้ว เพราะแทบไม่ได้เกี่ยวกับเพลงเลย แต่เป็นเรื่องของขนม ที่พี่น้องสามคนทะเลาะกัน
พี่ชายดูแลกิจการต่อที่บ้าน พี่รองไปเป็นนักร้อง น้องเล็กไปเรียนต่างประเทศ
แต่ร้านของพี่ใหญ่กำลังจะถูกยึด พี่รองกำลังจะหูหนวกเลยเลิกร้องเพลงกลับมาช่วยพี่ใหญ่ที่บ้าน เพื่อดูแลกิจการร้านขนมให้อยู่ต่อไป
โดยพี่ใหญ่สอนสูตรครอบครัวให้ แต่แล้ว น้องเล็กก็กลับมา พร้อมกับร่วมมือกลับมาเฟียที่จะยึดร้าน ท้าแข่งทำขนมกัน เพื่อสิทธิในชื่อร้านขนม
หลายปีแล้วที่เกาหลีไม่ไปไกลเกินกว่าการใช้ มุขร้านอาหาร กับเสียงเพลง... จริงๆ แล้วไม่ว่าวัฒนธรรมไหนก็มักจะยึดติดกับสิ่งๆ นั้น
มันถึงเรียกว่าวัฒนธรรม หนังไทยชอบรักแบบนิยายคลาสสิค เจ้าชายพบรักกับสามัญชน หนังเกาหลีก็จะเป็นสามัญชนสุดแสนจะตกยาก
หนังฮ่องกงก็ยิงกันอย่างเดียว บอลลีวู๊ดก็ออกมาเต้น ออกมาเต้น .... คนดูต่างหาก ที่ต้องเลือกภาพยนต์ให้หลากหลาย ... มีหนังนับล้านๆ เรื่อง
ทำไมเราถึงเรื่องดูหนังอย่างที่เราเคยดู ทั้่งที่พล๊อตเรื่องมันก็คล้ายๆ กัน ...
Subscribe to:
Comments (Atom)
